วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

มีเวลาวิ่งเป็นของตัวเองครั้งแรก

"มา มา เร็วหน่อย เดี๋ยวสายจะมาโรงเรียนไม่ทัน"
พ่อครูสมบัติคงเริ่มหมั่นใส้กับท่าทางลีลาเหมือนอิดออด
ก็คนมันตื่นเต้นอ่ะ ยังเด็กอยู่เลยเพิ่งเคยวิ่งแบบนี้เป็นครั้งแรก
วอร์มพอหรือยัง ? stride ดีหรือยัง ดูน้องหน่อยซิ

เฮ้ย ! อย่าลีลามาก เดี๋ยวโดน ตืบ
พี่การุณคงสงสารเห็นแววว่าคงใจหวิวๆ เข้ามาตบไหล่ ไปได้แล้ว สู้ สู้
ทำให้ดีที่สุดนะ เพราะจะเป็นเกณฑ์ใช้สำหรับการฝึกซ้อมต่อไป

เดินลงไปที่เส้นเริ่มของสนาม 400 เมตรก็สนามที่เป็นลู่วิ่งนั้นแหละ
พ่อครูยืนรออยู่พร้อมนาฬิกาจับเวลาอยู่ในมือ
ทดสอบระยะ 400 เมตรก่อนนะ เสร็จแล้วค่อยวิ่ง 1,000 เมตรอีก 1 เที่ยว
วิ่งให้เต็มที่เท่าที่จะวิ่งได้ แต่อย่าเร่งออกตัวช่วงแรกเร็วเกินไปล่ะ
เดี๋ยวช่วงหลังๆจะหมดแรง วิ่งไม่ถึง เสียงสำทับดังอยู่ใกล้ๆหู

เอาละ ! เข้าที่ !! ไป !!!!!!!!!!!!!
พอเสียงบอกว่าไปเท่านั้น ขาก็สับออกไปทันที ลืมหมดที่พ่อครูบอก
100 เมตรแรกยังไปได้ดี เสียงตะโกนได้ยินแว่ว จะรีบไปตามควายที่ไหน ?
แต่ตอนนั้น สติไม่ค่อยอยู่กับตัวแล้ว คิดอยู่อย่างเดียวไปให้เร็วที่สุด
เสียงขานเวลาลอยมาตามลม ผ่านไป 150 เมตร ????????

แขนเริ่มช้า ขาเริ่มหนัก หน้าผากรู้สึกหนาขึ้นเป็นชั้นๆ
เบาลงๆๆๆๆๆ อย่าเกร็งแขน ก้มหัวอย่าเงยหน้า
เสียงตะโกนของพี่ๆแข่งกันอย่างเซ็งแซ่

รู้สึกมีเสียงวิ่งตามหลังมา ตีคู่ขึ้นมา วิ่งตามจังหวะของโกนะ
เหลือบมองอย่างมึนงง และด้วยอาการที่หายใจไม่ทัน

พี่การุณวิ่งตีคู่ขึ้นมา ทำไมดูพี่เขาวิ่งสบายๆเป็นจังหวะที่สม่ำเสมอ
ก็เลยปรับให้วิ่งตามช่วงก้าวตามที่พี่การุณบอก
แต่ก็น่าจะสายไปแล้ว ลำตัวหนักไปหมดเหมือนวิ่งปะทะกับลมเป็นแผ่นหนาๆ
วิ่งอยู่กับที่ ปวดร้าวไปหมดทั้งตัว น้ำหู น้ำตาไหลออกมา

100 เมตรสุดท้าย นรกชัดๆ ชาไปหมดทั้งตัว
ดึงแขน ตีแขนให้สูง หน้าอย่าเงย ยังได้ยินเสียงอยู่บ้าง
ก็แสดงว่า ยังมีชีวิตอยู่ วิ่งผ่านๆๆๆๆๆๆๆๆอย่าหยุดๆๆๆๆ
ทรุดตัวนั่งลงกับพื้นโดยไม่ต้องสั่ง ร่างกายทำได้เอง อิ อิ

อย่านั่ง ลุกขึ้นเดินแล้วค่อยๆ จ๊อกช้าๆ จะดีขึ้นเอง
อยากลุกครับ ใจก็อยากลุกแต่ขามันไม่ยอมลุกขึ้นมา
พ่อครูเข้ามาพยุงตัวแล้วค่อยๆพาเดินออกไปช้าๆ ขายังสั่น


เหมือนกล้ามขาจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ กล้ามเนื้อเต้นตุ๊บตั๊บ
บรรยากาศรอบตัวเป็นสีเหลืองๆน้ำตาล ระยิบระยับลอยเต็มไปหมด
ยังเหลือ 1,000 เมตรอีกเที่ยวหนึ่งนะ พ่อครูสมบัติกระซิบเบาๆ
ไม่เอาแล้วครับ ไม่วิ่งแล้ว พอแล้วครับ ไม่ไหวจริงๆ
เวลาก็ใช้ได้นะ ไม่ลองอีกซักเที่ยวเหรอ ?
ไม่ครับ ยังไงก็ไม่วิ่งแล้วครับ ปวดร้าวไปทั้งตัว

เอาละ ! ไม่วิ่งก็ไม่วิ่ง การุณพาน้องไปคลูดาวน์ด้วย
พ่อครูสมบัติตะโกนให้พี่การุณพาไปวิ่งเหยาะๆ
บอกแล้วไม่ฟัง อย่าเร่งช่วงแรกเร็ว อาหารไม่พอ
กล้ามเนื้อทำงานหนัก เกิดกรดสะสมทำให้เจ็บปวด

พี่การุณวิ่งไปด้วย บ่นไปด้วย ฟังมั่ง ไม่ฟังมั่ง ใจอยู่ที่บ้านแล้ว
ถ้าไม่ไหว ใจไม่สู้ ก็ไปเล่นกีฬาอย่างอื่น สนุก ไม่เหนื่อยมากด้ว


ใจตอนนั้นตอบทันทีว่า เออ ! ไปเล่นบาสก็ได้ฟ่ะ
วิ่งเหยาะได้ซักพัก ก็มายืดเหยียด เล่นกายบริหาร
แปลกแต่จริง อาการที่เป็นอยู่ก่อนหน้านี้หายไปเกือบหมด
เหลือแต่เพียงอาการปวดที่กล้ามเนื้อก้นทั้งสองข้าง
นั่งดูพี่ๆซ้อมกันต่อ ไม่เห็นเขาจะมีอาการอย่างที่เราเป็นเลย
หรือว่าเราไม่เหมาะที่จะมาวิ่งเหมือนกับพี่เขา








4 ความคิดเห็น:

  1. เป็นความทรงจำที่แสนสุข เมื่อย้อนคิดทีไรอดยิ้มให้กับความไร้เดียงสาไม่ได้ เริ่มต้นด้วยความไม่รู้นำไปสู่การเรียนรู้อย่างเข้าใจ

    ตอบลบ
  2. ตำราอ่านเมื่อไหร่ ที่ไหนก็ได้ แต่ประสบการณ์ที่ดีต้องอาศัยการเรียนรู้จากการถ่ายทอดและประสพเอง

    ตอบลบ
  3. รออ่านตอนต่อไปครับครู

    ตอบลบ
  4. เด็กชายดินเหมือนกับเราๆ ที่หัดวิ่งเลยนะคะ ^_^

    ตอบลบ