วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

บทเริ่มต้นของ เรื่องราวเรื่อง....วิ่ง


หลายๆครั้งเคยใช้เวลาว่างมานั่งขบคิดว่า
ชีวิตในแต่ละวันใช้เวลาไปกับเรื่องของวิ่งมากจนเกินไปหรือปล่าว
ไม่ว่าจะคิดกี่ครั้ง กี่ครั้ง ก็ยังได้คำตอบออกมาเช่นเดิม ว่า
ทำแล้วมีความสุข ไม่ทำให้ครอบครัวและคนอื่นๆเดือดร้อนก็ทำไป

ย้อนรอยเวลากลับไป นับตั้งแต่วันนี้ ( 19 พฤศจิกายน 2556 )
เป็นเวลากว่า 43 ปีที่เริ่มวิ่งครั้งแรก
วิ่งในยุคที่ไม่มีชมรมวิ่งใดๆปรากฏขึ้นมาในสารบบ
วิ่งเพราะชอบวิ่ง วิ่งเพราะเห็นพี่ๆออกไปวิ่ง
วิ่งวนอยู่ระหว่างบันไดบ้าน ไป - กลับ ประตูรั้วหน้าบ้าน
ระยะทางก็ประมาณ 60 เมตร วนวันละหลายๆรอบ

ถ้าถามว่าเริ่มวันแรกวิ่งกี่รอบ ก็จำไม่ได้แล้ว
วิ่งจนรู้สึกว่าอยากออกไปวิ่งถนนข้างนอกบ้าง
ทุกๆเย็นก่อนทานข้าวพี่สมบัติ ( พ่อครูสมบัติ ) พี่กมล พี่การุณ
ก็จะคุยกันแต่เรื่องวิ่ง ทำให้เราซึมซับเข้าไปในจิตใต้สำนึกทุกวัน

ใครเก่ง วิ่งเป็นยังไง ใครติดทีมชาติ วิ่งอย่างไร เวลาเท่าไหร่
ไหลเป็นข้อมูลเข้ามาไม่เว้นแต่ละวัน พอสบโอกาสวันหนึ่ง
พี่ๆวิ่งออกไปพ้นประตูรั้ว ลองมั่งว่ะ
ใส่ถุงเท้า รองเท้าวิ่ง ( รองเท้านักเรียนคู่สีน้ำตาล )
ออกวิ่งตามหลังไป
โอ แม่เจ้า ! ชั่วเวลาที่เราคิดว่าแป๊ปเดียว
เห็นหลังไกลลิบ แล้วเราจะวิ่งตามไปทันมั้ยหนอ
ตัดสินใจไม่ตามไปดีกว่า ถนนที่วิ่งในเวลานั้นค่อนข้างเปลี่ยว
รถวิ่งเร็วและเจ้าถิ่นดุถึงดุมาก ( หมา ) และมีจุดที่ต้องเฉียดป่าช้าด้วยซิครับ

ทางวิ่งที่พี่ๆวิ่งประจำจากบ้านขึ้นเนินผ่านหลังที่ว่าการอำเภอเมืองพะเยา
ไปตามถนนประตูชัยเลี้ยวซ้ายขึ้นถนนซุปเปอร์ไฮเวย์
ผ่านเนินสูงระยะทาง 1.2 กม.ของดอยจอมทอง
ก่อนถึงจุดนี้แหละที่มีทั้งคุณหมาและก็ผ่านป่าช้าครับ
ผ่านสถานนีวิทยุ กวส.4 พะเยา เลี้ยวซ้ายเข้าเมืองบนถนนพหลโยธิน
ผ่านโรงพยาบาลพะเยา ผ่านแขวงการทาง ผ่านวัดพระเจ้าตนหลวง
ที่ว่าการประปา ตรงเข้าหน้าตลาด ระยะทางรวมประมาณ 9 กม.

แต่บางวันพี่ๆในวัยกำดัดก็จะไม่เข้าหน้าตลาดแต่จะเลี้ยวขวา
เพื่อวิ่งผ่านกว๊านพะเยา ( ช่วงเวลาเย็นๆ สาวนั่งตรึม )
ไปทางเทศบาลเมืองพะเยาออกถนนสายหนองระบู
วกผ่านสถานีตำรวจพะเยาก็จะได่ระยะทางเพิ่มเป็น 12 กม.


วันนั้นเมื่อตั้งใจแล้วก็เลยออกมาวิ่งบนถนนรอบที่ว่าการอำเภอ
ซึ่งก็เป็นถนนหน้าบ้านนั้นแหละ เป็นการออกมาวิ่งนอกบ้านครั้งแรก
ระยะทางน่าจะประมาณ 800 เมตรโดยรอบแต่เป็นถนนที่มีเนินพอสมควร

รู้สึกสนุกมาก รู้แบบนี้ออกมาวิ่งข้างนอกตั้งนานแล้ว
ช่วงแรกๆไม่เคยสนใจความเร็วเลย จิตตั้งเป้าหมายอยู่ที่ระยะทางมากกว่า
 อยากวิ่งให้ได้อย่างน้อย 8 กม.เพื่อที่จะสามารถออกไปวิ่งตามพี่ๆได้

วิ่งอยู่ได้หลายๆวันระยะทางก็ไม่เพิ่มได้ซักที
วนอยู่ที่ 5 - 6 รอบก็ประมาณ 4 - 5 กม. เหนื่อยขึ้นทุกวัน
แต่ก็ดีอย่างหนึ่งที่มักจะได้ยินพี่ๆคุยกันเรื่องการอบอุ่นร่างกาย

การเล่นกายบริหาร ยืดเหยียด ก็เอามาหัดทำแบบงูๆปลาๆ
ก็รู้สึกว่าร่างกายแข็งแรงขึ้น คล่องตัวมากขึ้น
หลังจากวิ่งก็ไปเล่นกับเพื่อนๆรุ่นเดียวกันแถวบ้าน
ที่มักจะมองพวกเราเป็นเด็กประหลาด วิ่งอยู่ได้ไม่เห็นสนุกเลย
เล่นกระโดดหนังที่เอาหนังสติ๊กรัดของมาร้อยเป็นเส้น
แล้วใช้เป็นตัวกั้นมีคนสองคนจับหัวท้าย
เริ่มจากขั้นต่ำสุดคือข้อเท้า เข่า ขา เอว อก คอ ใบหู คิ้ว ศีรษะ สุดปลายแขน 
ใครกระโดดไม่ผ่านต้องเปลี่ยนมาเป็นคนจับแทน
มีวิธีและกติการการเล่นหลายอย่างที่ล้วนแต่ทำให้มีการพัฒนากล้ามเนื้อ
กระดูก ความอ่อนตัวให้กับร่างกายโดยไม่รู้ตัว

การเล่นอีกอย่างหนึ่งที่ช่วยพัฒนาปอดให้เป็นอย่างดีคือ ตี่จับ
ที่แบ่งคนเป็น 2 กลุ่ม ขีดเส้นสี่เหลี่ยมแบ่งครึ่งเป็นสองฝั่งผลัดกันวิ่ง
ไปคว้าฝ่ายตรงข้ามมาเป็นเชลยให้มากที่สุด
ถ้าวิ่งเข้าไปในแดนฝ่ายตรงข้ามต้องส่งเสียงออกมาคล้ายคำว่า ตี่
แล้ววิ่งไปแตะฝ่ายตรงข้ามให้มากที่สุดก่อนวิ่งกลับเข้าแดนตัวเอง
แต่ต้องไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามจับตัวได้จะต้องเป็นเชลยทันที

สนุกดีครับ ว่างๆก็ลองหัดเล่นกันดู กติกายังมีปลีกย่อยอีกเยอะครับ
วิ่งอยู่นานเหมือนกัน เหมือนพี่ๆจะรู้ ในระหว่างทานข้าวเย็น
พ่อครูสมบัติก็พูดขึ้นว่า การจะวิ่งระยะไกล ต้องใจเย็นและวิ่งให้เป็นธรรมชาติ
ให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไม่ใช่การฝึกซ้อมอย่างเอาเป็นเอาตาย

วิ่งไกลให้เป็นก่อน เริ่มแรกจะวิ่งให้ไกลและเร็วไปพร้อมๆกันได้อย่างไร
ต้องเลือกเอาซักอย่างหนึ่ง
ถ้าอยากวิ่งเร็วก็ไปไม่ได้ไกล ถ้าอยากวิ่งไกลก็วิ่งให้ช้าลง ง่ายๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น